เสี้ยวประวัติศาสตร์ -daasee.com

ทั่วไป


เสี้ยวประวัติศาสตร์


          
          ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
          
คำนำของผู้เขียน
          
          การสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ เราขอสรรเสริญพระองค์ ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ขออภัยโทษจากพระองค์ ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากความชั่วร้ายของตัวเรา ให้พ้นจากความเลวร้ายของอะมัลของเรา ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงชี้นำจะไม่มีผู้ใดทำให้เขาหลง และผู้ใดทรงทำให้หลงจะไม่มีผู้ใดชี้นำเขา และฉันขอเป็นพยานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้นไม่มีภาคีใด และขอเป็นพยานว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวและทูตของพระองค์
          ถ้อยคำที่สัจจริงยิ่งคือคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ทางนำที่ดียิ่งคือทางนำของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม เรื่องที่เลวร้ายยิ่งคือเรื่องที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในศาสนา และทุกสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในศาสนาคืออุตริกรรม และทุกอุตริกรรมคือการหลงผิด และทุกการหลงผิดจะได้เข้าสู่นรก
          ข้าพเจ้าเคยก้าวเท้าข้างหนึ่งเพื่อเดินหน้า แต่อีกข้างหนึ่งกลับจะถอยหลังตอนที่เกิดความคิดจะเขียนหนังสือเรื่องนี้ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะมีคนหลายคนมัวอีหลุกขลุกขลุ่ยกับเรื่องนี้ บางทีก็มีเจตนาดี แต่ส่วนใหญ่นั้นมีเจตนาร้าย เรื่องนี้ไม่น่าสงสัยเลยว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ยังคงสดใหม่ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานมากแล้วก็ตาม แต่มันยังคุกรุ่นอยู่ภายในตัวเรา เพราะมันเป็นการให้ความสำคัญกับคนในสมัยของท่านนบีที่ไม่เหมือนกับยุคใด คนเหล่านั้นเป็นกลุ่มดาวดวงใหญ่ เป็นคนดีที่อัลลอฮฺทรงเลือกให้เป็นเศาะหาบะฮฺของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ขออัลลอฮฺพอพระทัยพวกเขา
          และเมื่อการพูดความจริงจะเป็นแสงส่องนำทาง และเพราะคนในยุคนั้นมีบุญคุณต่อพวกเรา จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องชดเชยบางอย่างอันเป็นหน้าที่ๆพวกเราต้องปฏิบัติต่อพวกเขา เรื่องราวของพวกเขาไม่เหมือนกับเรื่องของคนอื่นๆ ความรู้และอะมัลของพวกเขาไม่มีใครเกินหน้า ตามหลังก็ไม่อาจทัน และเป็นเพราะบุคคลเหล่านี้ อัลลอฮฺจึงทรงเชิดชูศาสนานี้ และทำให้มันเป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว
          และถึงเราจะพร่ำสอนถึงความประเสริฐของบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม เพียงใดก็ตาม แต่เราก็ไม่ยกพวกเขาเป็นมะอฺศูม(บริสุทธิ์ไร้บาป) อัลลอฮฺไม่ได้ทำให้ใครเป็นมะอฺศูมนอกจากบรรดานบีและบรรดามลาอิกะฮฺ เท่านั้น
          ใช่ พวกเขาบางคนเคยผิดพลาด ทั้งตอนที่ท่านนบียังมีชีวิตอยู่หรือหลังจากที่ท่านจากไปแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาต้องอดทนฟันฝ่า จากการถูกทำร้าย ถูกกดขี่ข่มเหง ถูกทรมานในหนทางของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ และการเผยแพร่สู่ศาสนาอันเที่ยงตรง สู่แนวทางของอิบรอฮีม และสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทเสียสละต้องอพยพจากครอบครัว จากบ้านเกิดเมืองนอน และการเสียสละด้วยทรัพย์สินและชีวิตในหนทางของอัลลอฮฺ และคอยอยู่ปกป้องท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม โดยใช้ทุกอย่างที่เขามี ทำให้ความผิดเหล่านั้นเมื่อเทียบกับความดีงามอันมากมาย และการปฏิบัติที่ดีของพวกเขาก็เปรียบดุจดังเม็ดทรายไม่กี่เม็ดที่อยู่ในภูเขา หรือหยดน้ำไม่กี่หยดในน้ำที่พวยพุ่งออกมา
          และไม่น่าสงสัยเลยว่าเรื่องประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อชีวิตของแต่ละชาติพันธุ์และกลุ่มก๊กต่างๆ มันเป็นตัวก่อร่างสร้างเสาหลักของมัน กำหนดวิถีชีวิต ปัจจุบันและอนาคตของมัน และไม่มีชาติใดที่ทะเยอทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดและความรุ่งโรจน์ เว้นแต่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์ให้เหนียวแน่นระหว่างความเป็นชาติกับอดีตของมัน เพื่อทำให้เกิดพลังและตัวค้ำยันสร้างปัจจุบันและทยานสู่อนาคตที่ดี
          และประชาชาติอย่างประชาชาติอิสลามนี้ยิ่งต้องดีกว่าประชาชาติอื่นๆ เพราะประวัติศาสตร์มีความรุ่งโรจน์ ความกล้าหาญ และชัยชนะต่างๆ ที่ประวัติศาสตร์ชาติอื่นต้องดูเล็กไปถนัดตา แต่ภายใต้ร่มเงาของความอ่อนแอของประชาชาติของเราในปัจจุบันนี้เกิดจากน้ำมือของลูกหลานของพวกเขาเอง อัลลอฮฺจึงทรงให้ผู้ที่สืบทอดต่อจากพวกวานรและสุกร(กลุ่มคนที่ถูกสาปเพราะฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺในยุคก่อน) และกราบไหว้สิ่งอื่นจากอัลลอฮฺเข้ามามีอำนาจเหนือพวกเรา –ไม่มีอำนาจไม่มีกำลังใดนอกจากด้วยกับอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงยิ่งใหญ่-
          (ผู้ใดทำผิดบ่อยครั้ง มันจะกลายเรื่องชาชินสำหรับเขา เปรียบเหมือนการสร้างแผลกับคนตาย ย่อมไม่ทำให้เขาเจ็บปวด)
          ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า ภายใต้เงาของความอ่อนแอนี้ จำเป็นต้องหวนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์อันโชติช่วงของประชาชาติของเรา เพื่อที่เราจะสามารถทบทวนตัวเองได้ง่ายขึ้น มองดูรอบตัว และรู้ถึงย่างก้าวต่อไปในอนาคต ทั้งหมดนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ เว้นแต่ให้เรากลับไปใคร่ครวญประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องของเราเท่านั้น ไม่ใช่กลับไปหาส่วนอื่นส่วนใดที่ไม่ถูกต้อง
          และหากเรามองประวัติศาสตร์ให้ดี เราจะพบว่า ช่วงเวลาที่โชติช่วงที่สุดคือ หิกบะฮฺ (ช่วงเวลา)ที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม และบรรดาเศาะหาบะฮมีชีวิตอยู่ คนรุ่นนั้นได้แบกรับหน้าที่เผยแพร่สาส์นอิสลามไว้บนต้นคอ พวกเขาเป็นมัคลูก(สิ่งถูกสร้าง)ของอัลลอฮฺที่ได้รับการคัดสรรรองจากบรรดานบีและเราะสูล -อลัยฮิมุสสลาม
          ประวัติศาสตร์ของประชาชาติอิสลามได้เผชิญกับการถูกสร้างภาพผิดๆ เล่ห์อุบาย และการบิดเบือน สาเหตุจากการเกิดนิกายต่างๆขึ้นในอิสลาม เพราะทุกกลุ่มพยายามดูถูกกลุ่มอื่นๆ และถีบกลุ่มตัวเองให้สูงขึ้น จึงทำให้เกิดช่องโหว่ต่างๆในประวัติศาสตร์ของบรรดาคนสำคัญในอุมมะฮฺของเรา
          และเราก็ได้พบว่ามีคนทำตัวเลยเถิดเกินขอบเขตของศาสนาในการรักตัวบุคคล เขาให้ความรักกับเศาะหาบะฮฺดีๆอย่าง อลี บินอบีฏอเล็บ แต่เป็นความรักที่ทำลายเรื่องทั้งหมดของเขา แล้วยังพาดพิงเหตุการณ์และเรื่องราวที่ไม่อาจยอมรับได้ว่ามาจากอลี ในเวลาเดียวกันก็พยายามลดทอนเรื่องของคนอื่น และถือว่าคนอื่นๆล่วงเกินสิทธิ์ของอลี อธรรมต่อเขาและต่อตัวของพวกเขาเอง ทว่าการเลยเถิดในความรักนี้เพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งเลยไปถึงลูกหลานของอลีด้วย เขาอ้างว่าบรรดาอิหม่ามนั้นถูกระบุเป็นตัวบทให้แก่พวกเขา และว่าพวกเขานั้นมะอฺศูม (บริสุทธิ์จากบาปและความผิดพลาดทั้งปวง) คล้ายคลึงกับบรรดานบี อลัยฮิมุสสลาม
          * และอลีผู้นี้ได้กล่าวว่า “แน่นอนจะมีคนกลุ่มหนึ่งรักฉันจนพวกเขาต้องเข้านรกเพราะฉัน และจะมีคนกลุ่มหนึ่งเกลียดฉันจนพวกเขาต้องเข้านรกเพราะเกลียดฉัน”
          และยังกล่าวอีกว่า “บุคคลสองจำพวกจะพินาศเพราะฉัน ผู้ที่รักฉันมากเกินไป และผู้ที่เกลียดฉันมากเกินไป”
          คำกล่าวอ้างและรูปแบบการเลยเถิดต่างๆเหล่านี้นั้น อันที่จริงเพิ่งจะเกิดขึ้นหลังพ้นยุคกลางไปแล้ว(ศตวรรษที่3แห่งฮิจเราะฮฺศักราช) ตามทัศนะที่ถูกต้อง
          สิ่งหนึ่งที่ใช้ยืนยันข้อเท็จจริงนี้ได้คือ เราไม่พบรายงานที่ถูกต้องเลยที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์ใด ๆ ของบรรดาเศาะหาบะฮฺที่ชี้ให้เห็นว่ามีความเกลียดชังอย่างที่อ้างกันระหว่างอลีกับเศาะหาบะฮฺคนอื่นๆ แต่กลับพบสิ่งที่แสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อกัน และพบเจอภาพอันงดงามของการเสียสละ ความเป็นพี่น้อง ความรัก การตักเตือน และการแต่งงานเกี่ยวดองกันเป็นจำนวนมาก ที่คนที่มีใจเป็นกลางต้องการหาความจริงสามารถฟันธงได้ว่าการพยายามสร้างภาพว่ามีความบาดหมาง ความแค้น ความไม่พอใจต่อกันนั้นเป็นเรื่องโกหก..
          และหนึ่งในภาพอันกระจ่างชัดเหล่านี้คือ
          การที่เคาะลีฟะฮฺทั้งสามท่าน คือ อบูบักร อัศ-ศิดดีก, อุมัร บินอัล-ค็อฏฏอบ, อุษมาน บินอัฟฟาน สนับสนุนอลีให้แต่งงานกับฟาฏิมะฮฺ และมีส่วมร่วมในการเตรียมการและเป็นสักขีพยาน
          * อลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า “อบูบักร และอุมัร ได้มาหาฉัน แล้วพูดว่า ท่านน่าจะไปหาท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม แล้วไปพูดกับท่านเรื่องฟาฏิมะฮฺ”
          และเล่าอีกว่า “ท่านเราะสูลุลลอฮฺ บอกฉันว่า “ไปเลยตอนนี้ ไปขายเสื้อเกราะของเธอ และเอาเงินที่ได้มาให้ฉัน ฉันจะได้เตรียม(ให้เธอ)และลูกสาวของฉัน(ฟาฏิมะฮฺ) ถึงสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับพวกเธอทั้งสอง”
          อลีเล่าว่า ฉันได้ออกไปและขายมันด้วยเงินสี่ร้อยดิรฮัมให้กับอุษมาน บินอัฟฟาน
          พอฉันได้เงินและเขาได้เสื้อเกราะแล้ว
          เขาก็กล่าวว่า “ฉันมีความชอบธรรมในเสื้อเกราะนี้มากกว่าท่านแล้วไม่ใช่หรือ และท่านก็มีความชอบธรรมในเงินนี้มากกว่าฉัน”
          ฉันก็ตอบว่า “ถูกต้องแล้ว”
          เขาก็พูดว่า “เสื้อเกราะนี้ ถือเป็นของขวัญจากฉันมอบให้ท่าน”
          ฉันจึงได้ทั้งเสื้อเกราะและเงินกลับไป และไปหาท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม และฉันก็เอาเสื้อเกราะและเงินไปวางไว้ต่อหน้าท่าน และบอกท่านถึงเรื่องของอุษมาน ท่านก็ขอดุอาอ์ให้เขาได้รับสิ่งดีงาม ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งไป แล้วเรียกอบูบักรมา และมอบเงินให้เขาแล้วพูดว่า “อบูบักรเอ๋ย เอาเงินนี้ไปซื้อของให้ลูกสาวฉัน ของที่จะเป็นประโยชน์กับนางในบ้านของนาง”
          * อนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม บอกกับฉันว่า จงออกไปเรียก อบูบักร อุมัร อุษมาน อลี ฏ็อลหะฮฺ ซุบัยรฺ และคนอีกจำนวนที่เท่ากันนี้ของชาวอันศอรมา เขาเล่าว่า ฉันก็ได้ไปเรียกพวกเขามาหาท่าน และเมื่อพวกเขานั่งกันเรียบร้อยแล้ว ท่านก็กล่าวว่า ฉันขอให้พวกท่านเป็นสักขีพยานว่าฉันได้ยกฟาฏิมะฮฺให้กับอลีแล้ว ด้วยกับ(สินสอด)สี่ร้อยมิซกอลเงิน
          * อลี ได้ยกลูกสาวของเขา(อุมมุ กุลษูม บุตรสาวของฟาฏิมะฮฺ ให้กับอุมัร บินอัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม
          อลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ตั้งชื่อลูกๆของเขาด้วยชื่อพี่น้องและบุคคลอันเป็นที่รักในอัลลอฮฺของเขา อบูบักร อัศ-ศิดดีก อุมัร บินอัล-ค็อฏฏอบ อุษมาน บินอัฟฟาน และพูดจายกย่องพวกเขาทั้งหมด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม
          อลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า “ฉันได้เห็นบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ฉันไม่เคยเห็นพวกท่านคนใดที่เหมือนกับพวกเขาเลย พวกเขายามเช้าผมเผ้ายุ่งเหยิงเปื้อนฝุ่น(ตรากตรำ) ยามค่ำสุญูดละหมาด เดี๋ยวลุกมาสุญูด เดี๋ยวนอน เสมือนว่ากำลังยืนอยู่บนถ่านร้อนเพราะการรำลึกถึงโลกหน้าของพวกเขา เหมือนว่าที่หน้าผากของพวกเขามีหัวเข่าแพะเนื่องจากการสุญูดยาวนานของพวกเขา เมื่อคำว่าอัลลอฮฺถูกเอ่ยให้พวกเขาได้ยิน น้ำตาของพวกเขาก็ไหลอาบ และพวกเขาหวั่นไหวเหมือนต้นไม้ไหวในวันที่มีพายุพัดแรง”
          และอลี มีลูกๆคือ : อบูบักร(ที่ 1) อุมัร อุษมาน อบูบักร(ที่ 2) อุษมาน(ที่ 2) พวกเขาถูกสังหารพร้อมกับหุสัยน์ที่ ฏ็อฟ และอุมัร เป็นหนึ่งในคนที่อายุยืน
          และข้าพเจ้าตามที่ได้นำเรียนไว้ตอนต้นของหนังสือเล่มนี้ว่า ข้าพเจ้าเคยก้าวเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้า แต่อีกข้างกลับจะก้าวถอยหลัง จนกระทั่งข้าพเจ้าเห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการที่ข้าพเจ้าจะเขียนหนังสือเรื่องนี้เท่าที่พระองค์ทรงให้เกิดความสะดวกง่ายดายแก่ข้าพเจ้า และนั่นคือหลังจากที่ได้ปรึกษากับผู้รู้ที่ข้าพเจ้าไว้วางใจ ดังนั้นสิ่งใดที่ถูกต้องนั่นมาจากอัลลอฮฺ แต่หากสิ่งใดไม่ถูกต้องนั่นมาจากข้าพเจ้าและชัยฏอน
          ในงานชิ้นนี้ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงช่วงเวลาที่มีความสำคัญมากที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเรา นั่นคือช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างการเสียชีวิตของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ไปจนถึงปีฮิจเราะฮฺที่ 61
          ข้าพเจ้าได้แบ่งส่วนของหนังสือเล่มนี้ออกเป็นคำนำและเนื้อหาสามบท
          ส่วนของคำนำ : ข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญสามประเด็น
          ประเด็นที่หนึ่ง : เราจะศึกษาประวัติศาสตร์กันอย่างไร
          ประเด็นที่สอง : เราจะอ่านประวัติศาสตร์จากหนังสือของใคร
          ประเด็นที่สาม : เครื่องมือที่พวกนักเล่าประวัติศาสตร์ชอบใช้ในการบิดเบือนภาพประวัติศาสตร์
          และส่วนบทที่หนึ่ง : ข้าพเจ้าจะนำเรียนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ตั้งแต่การเสียชีวิตของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ไปจนถึงปีฮ.ศ.ที่ 61
          ข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญๆในช่วงระยะเวลานี้ด้วยสายรายงานที่ถูกต้องอย่างสุดกำลังความสามารถ พร้อมกับการเตือนให้ระวังเรื่องโกหกมดเท็จบางเรื่อง
          ส่วนบทที่สอง : ข้าพเจ้าจะกล่าวถึง ความเป็นธรรมของบรรดาเศาะหาบะฮฺ โดยจะได้ยกหลักฐานทั้งจากอัลกุรอานและสุนนะฮฺ พร้อมกับการกล่าวถึงเรื่องที่มีความคลุมเครือที่สำคัญๆที่มักถูกนำมาสร้างเป็นประเด็น และอธิบายข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
          ส่วนบทที่สาม : ข้าพเจ้าจะกล่าวถึง กรณีความขัดแย้ง
          ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงหลักฐานของชีอะฮฺอย่างละเอียดที่พูดถึงความชอบธรรมของอลีต่อตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺมากกว่าอบูบักร อุมัร และอุษมาน และข้าพเจ้าจะถกประเด็นอย่างเป็นวิชาการอย่างละเอียดที่บางทีท่านอาจไม่พบเจอมันในตำราเล่มอื่นๆ ข้าพเจ้าไม่ได้พูดอย่างนี้เพราะหลงตัวเอง หากแต่เป็นตามความหมายของอายะห์นี้คือ

        ﴿ وَأَمَّا بِنِعْمَةِ رَبِّكَ فَحَدِّثْ
          “และส่วนความโปรดปรานแห่งพระเจ้าของเจ้านั้น เจ้าจงแสดงออก”

          และข้าพเจ้าขอต่ออัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งทรงพลานุภาพให้งานนี้มีความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์ผู้ทรงเกียรติ พระองค์คือผู้ทรงดูแลและผู้ทรงพลานุภาพ
          และดุอาอ์สุดท้ายของเราคือ การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
          
          อุษมาน บินมุหัมมัด อัล-เคาะมีส
          ขออัลลอฮฺทรงอภัยโทษให้แก่เขา บิดามารดาของเขา และให้แก่มุสลิมทั้งมวล
          

×

เลือกหัวข้อ

สารบัญ
สารบัญ
คำนำของผู้เขียน
ประเด็นสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์
  เกริ่นนำ
  ประเด็นที่หนึ่ง เราจะศึกษาประวัติศาสตร์กันอย่างไร?
  ประเด็นที่สอง เราจะอ่านประวัติศาสตร์จากตำราของใคร?
  ประเด็นที่สาม วิธีการที่พวกนักเล่าประวัติศาสตร์บางคนนิยมนำมาใช้ในการบิดเบือนประวัติศาสตร์
บทที่หนึ่ง เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ตั้งแต่การเสียชีวิตของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ถึงปีฮิจเราะฮฺที่ 61
  เกริ่นนำ การแต่งตั้งท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ให้เป็นนบี
ตอนที่หนึ่ง การดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺของท่านอบูบักร อัศ-ศิดดีก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  เรื่องที่หนึ่ง สะกีฟะฮฺ(เพิงนั่งสนทนา)ของตระกูลสาอิดะฮฺ
  เรื่องที่สอง อบูบักรฺ อัศ-ศิดดีก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ แบบกระชับ
  การเสียชีวิตของอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  บทที่สาม เหตุการณ์สำคัญต่างๆในยุคเคาะลีฟะฮฺ อบูบักรฺ อัศ-ศิดดีก
  ส่งคอลิดไปรบที่อิรัก (สงครามซาติส-สลาสิล)
  ทำสงครามกับเมืองชาม
  สงครามยัรมูก
ภาคที่สอง การดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺของท่านผู้นำแห่งศรัทธาชน อุมัร บินอัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  เกริ่นนำ
  เรื่องที่หนึ่ง ผู้นำแห่งศรัทธาชน อุมัร บินอัล-ค็อฏฏอต เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ แบบกระชับ
  เรื่องที่สอง เหตุการณ์ที่สำคัญในช่วงสมัยเคาะลิฟะฮฺ อุมัร บินอัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  * สงครามกอดิสียะฮฺ ในเดือนมุหัรร็อม ปีฮ.ศ. 14
  สงครามอัจญ์นาดีล (ฮ.ศ.15)
  พิชิตบัยตุลมักดิส (ฮ.ศ.16)
  พิชิตเมืองตุสเตอร์ และเมืองสูส และจับกษัตริย์เปอร์เซียเป็นเชลย ปี (ฮ.ศ.17)
  ปีแห่งความแห้งแล้ง ปี(ฮ.ศ.18)
  สงครามนะฮาวันด์ (ฮ.ศ.21)
  การเสียชีวิตของคอลิด บินวะลีด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ (ฮ.ศ.21)
ภาคที่สาม การเป็นเคาะลีฟะฮฺ ของผู้นำแห่งศรัทธาชน อุษมาน บินอัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  บทที่หนึ่ง วิธีการขึ้นดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺของ อุษมาน บินอัฟฟาน
  บทที่สอง อุษมาน บินอัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ แบบกระชับ
  บทที่สาม เหตุการณ์ที่สำคัญในสมัยของเคาะลีฟะฮฺอุษมาน
  บทที่สี่ จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
  ข้อกล่าวหาที่เกิดกับท่านอุษมาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  บทที่หก การสังหารอุษมาน บินอัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
ภาคที่ห้า การขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮฺของผู้นำแห่งศรัทธาชน อลี บินอบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  บทที่หนึ่ง อลี บินอบูฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ แบบย่อ
  บทที่สอง เหตุการณ์สำคัญในยุคของเคาะลีฟะฮฺอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  สงครามอูฐ (ปีฮ.ศ. 36)
  สมรภูมิศิฟฟีน (ปี 37)
  สมรภูมินะฮ์เราะวาน (ปีฮ.ศ. 38)
  บทที่สาม การลอบสังหารผู้นำแห่งศรัทธาชนอลี บินอบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ปีฮ.ศ.ที่ 40
  บทที่สี่ สาเหตุที่เกิดการขัดแย้งกันในระหว่างเศาะหาบะฮฺ
  จุดยืนของบรรดาเศาะหาบะฮฺในสงครามเหล่านั้น
ภาคที่ห้า การขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮฺของผู้นำแห่งศรัทธาชน หะสัน บินอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  บทที่หนึ่ง หะสัน บินอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ แบบย่อ
  บทที่สอง การให้บัยอะฮฺกับหะสันเป็นเคาะลีฟะฮฺ
ภาคที่หก การขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮฺของผู้นำแห่งศรัทธาชน มุอาวียะฮฺ บินอบูสุฟยาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  บทที่หนึ่ง มุอาวิยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ แบบย่อ
  บทที่สอง เหตุการณ์ที่สำคัญในช่วงการเป็นเคาะลีฟะฮฺของมุอาวิยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
  * การเสียชีวิตของท่านหะสัน บินอลี
  ยะซีดมีความเหมาะสมกับตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺหรือไม่?
การดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺของ ยะซีด บินมุอาวิยะฮฺ
  เรื่องที่หนึ่ง การให้บัยอะฮฺกับยะซีด และการปฏิเสธให้บัยอะฮฺของท่านหุสัยนฺและการออกเดินทางของท่านจากมักกะฮฺไปยังกูฟะฮฺ
  บทที่สอง การสังหารท่านหุสัยนฺ
  เรื่องที่สี่ จุดยืนของผู้คนทั้งหลายต่อการสังหารท่านหุสัยนฺ
  เรื่องที่ห้า จุดยืนของอะฮ์ลุสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺที่มีต่อ ยะซีด บินมุอาวียะฮฺ

Powered by daasee  [Unknown OS Platform]