คำอธิบายเพิ่มเติม
คุณลักษณะจากพระนามนี้มาจากคำว่า อัล-อุลูว์(الْعُلُوُّ) แปลว่า สูง, สูงส่ง
พระนามที่ 1 อัล-อะลีย์ ปรากฎในอัลกุรอาน 8 ครั้ง
พระนามที่ 2 อัล-อะอฺลา ปรากฎในอัลกุรอาน 3 ครั้ง
พระนามที่ 2 อัล-มุตะอาล ปรากฎในอัลกุรอาน 1 ครั้ง
พระองค์ทรงกล่าวว่า
﴿ وَهُوَ ٱلۡعَلِيُّ ٱلۡعَظِيمُ ﴾ (البقرة :255)
“...และพระองค์นั้นคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่” (อัล-บ่าก่อเราะฮ์ :255)
﴿سَبِّحِ ٱسۡمَ رَبِّكَ ٱلۡأَعۡلَى ﴾ (الأعلى :1)
“จงแซ่ซ้องสดุดี พระนามแห่งองค์อภิบาลของเจ้า ผู้ทรงสูงส่งยิ่ง” (อัล-อะอฺลา :1)
﴿عَٰلِمُ ٱلۡغَيۡبِ وَٱلشَّهَٰدَةِ ٱلۡكَبِيرُ ٱلۡمُتَعَالِ ﴾ (الرعد :9)
“ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงสูงส่ง” (อัร-เราะอฺดุ :9)
นักวิชาการที่ลงความเห็นว่า คำว่า อัล-อะลีย์ เป็นพระนาม : นักวิชาการทั้ง 15 ท่าน (รายชื่อตามที่ปรากฏในคำนำ)
นักวิชาการที่ลงความเห็นว่า คำว่า อัล-อะอฺลา เป็นพระนาม : (1) อิบนุ มันดะฮ์, (2) อิบนุ ฮัซมิน, (3) อิบนุล-วะซีร, (4) อิบนุ ฮะญัร, (5) อิบนุ อุษัยมีน, (6) อัร-ริฎวานีย์, (7) อัล-ฆุศน์, (8) บิน นาศิร, (9) บิน วะฮัฟ, (10) อัล-อับบาด
นักวิชาการที่ลงความเห็นว่า คำว่า อัล-มุตะอาล เป็นพระนาม : (1) อัล-วะลีด, (2) อัศ-ศ็อนอานีย์, (3) อิบนุล-ฮุศ็อยน์, (4) อิบนุ ฮัซมิน, (5) อิบนุล-วะซีร, (6) อิบนุ ฮะญัร, (7) อัล-บัยฮะกีย์, (8) อิบนุ อุษัยมีน, (9) อัร-ริฎวานีย์, (10) อัล-ฆุศน์, (11) บิน นาศิร, (12) บิน วะฮัฟ, (13) อัล-อับบาด
อัลลอฮ์ คือผู้ทรงสูงส่ง ทรงสูงส่งกว่าทั้งปวง ทรงอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือกว่าพระองค์ สิ่งต่าง ๆ ล้วนอยู่ใต้อำนาจและการปกครองของพระองค์
[อัล-อะลีย์]
พระองค์ทรงอยู่สูงส่ง ทั้งอาตมัน(ซาต)ของพระองค์ พระนามของพระองค์ คุณลักษณะของพระองค์ และการกระทำของพระองค์
พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง สิ่งอื่นอยู่ใต้การควบคุมของพระองค์
พระองค์ทรงสูงส่งกว่าทุกสิ่ง สิ่งอื่นต่ำต้อยกว่าพระองค์
[อัล-อะอฺลา]
มุสลิมไม่เทิดทูนผู้ใดให้สูงกว่าพระองค์ได้ ไม่นำคำสอนใดมาวางไว้เหนือคำสอนของพระองค์ ไม่นำกฎหมายใดมาวางไว้เหนือกฎหมายของพระองค์
มุสลิมเราอ่านพระนามนี้ในขณะที่เรากำลังกราบ(สุญูด)ต่อพระองค์ เพราะพระองค์คือผู้ทรงสูงส่งที่สุด คู่ควรกับการที่เราก้มลงกราบพระองค์โดยใช้อวัยวะที่อยู่สูงที่สุดของเราวางไว้กับพื้นที่ต่ำที่สุดเพื่อแสดงความรักต่อผู้ทรงสูงส่งที่สุด
«سُبْحَانَ رَبِّيَ الْأَعْلَى»
อ่านว่า
ซุบฮานะ ร็อบบิยัล-อะอฺลา
ความว่า
มหาบริสุทธิ์แด่พระผู้อภิบาลของฉันผู้ทรงสูงส่งยิ่ง
(ดุอาอ์นี้มาจากฮะดีษ มุสลิม:772 เศาะฮีห์)
[อัล-มุตะอาล]
คำว่า อัล-มุตะอาล มาจากคำกริยาว่า "ตะอาลา" ที่มุสลิมเราใช้กันบ่อยว่า อัลลอฮ์ ตะอาลา (อัลลอฮ์ ทรงสูงส่ง)
หากใช้กับมนุษย์หมายถึง ทำตัวสูงส่ง ทำเชิด ไม่มองหรือไม่ยอมพูดกับคนที่ต่ำต้อยกว่า
แต่หากใช้กับอัลลอฮ์ พระองค์ทรงสูงส่งอย่างแท้จริงอยู่แล้ว พระองค์ทรงสูงส่งเกินกว่าจะต้องมาพึ่งพาอาศัยบ่าวคนใด ทรงสูงส่งเกินกว่าจะอธรรมต่อบ่าวของพระองค์
พระองค์ทรงสูงส่งเกินกว่าจะมีภรรยา หรือมีบุตร
﴿وَأَنَّهُۥ تَعَٰلَىٰ جَدُّ رَبِّنَا مَا ٱتَّخَذَ صَٰحِبَةٗ وَلَا وَلَدٗا ﴾ (الجن :3)
“และความจริงนั้น ความยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าของเรานั้นทรงสูงส่งยิ่ง พระองค์ไม่มีภริยาและไม่มีบุตร” (อัล-ญินนฺ :3)
พระองค์สูงส่งเกินกว่าจะมีผู้ใดเหมือนกับพระองค์
﴿... لَيۡسَ كَمِثۡلِهِۦ شَيۡءٞۖ وَهُوَ ٱلسَّمِيعُ ٱلۡبَصِيرُ ﴾ (الشورى :11)
“...ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น” (อัช-ชูรอ :11)
พระองค์ทรงสูงส่งเกินกว่าที่พวกที่ตั้งภาคีกล่าวหา พวกเขากล่าวหาว่าพระองค์มีภาคีอื่นร่วมกับพระองค์ด้วย แต่พระองค์ทรงสูงส่งเกินกว่าจะมีภาคีเหล่านั้น
﴿سُبۡحَٰنَهُۥ وَتَعَٰلَىٰ عَمَّا يَقُولُونَ عُلُوّٗا كَبِيرٗا ﴾ (الإسراء :43)
“มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือกว่าสิ่งที่พวกเขากล่าวอย่างมากมายนัก” (อัล-อิสรออฺ :43)
«قَالَ اللهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى: أَنَا أَغْنَى الشُّرَكَاءِ عَنِ الشِّرْكِ، مَنْ عَمِلَ عَمَلًا أَشْرَكَ فِيهِ مَعِي غَيْرِي، تَرَكْتُهُ وَشِرْكَهُ»
"อัลลอฮ์ -ผู้ทรงจำเริญ ทรงสูงส่ง- ทรงกล่าวว่า ฉันนั้นมีความสามารถล้นพ้นเกินกว่าจะต้องอาศัยหุ้นส่วนใด (ดังนั้น)ผู้ใดทำความดี โดยในนั้นเขาได้ตั้งภาคีอื่นต่อฉันด้วย ฉันจะปล่อยมันให้แก่ภาคีของเขา" (ฮะดีษกุดซีย์ มุสลิม:2985 เศาะฮีห์)
* อัลลอฮ์อยู่ที่ไหน?
พระองค์ทรงปรีชาสามารถเหนือทุกสิ่ง พระองค์จะอยู่ที่ใดก็ได้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ไม่มีสิ่งใดเป็นข้อจำกัดของพระองค์
พระองค์ทรงอยู่บนฟ้า เหนือบัลลังก์ ในแบบที่ไม่ต้องพึ่งพามัคลู๊กใด และไม่เหมือนกับมัคลู๊กใด
[หลักฐานจากอัลกุรอาน]
- พระองค์ทรงอยู่เหนือบัลลังก์ของพระองค์ ในแบบที่คู่ควรกับความสูงส่งและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ไม่เหมือนกับสิ่งถูกสร้างใดทั้งสิ้น ผู้ที่บริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮ์ และยอมสยบต่อพระองค์อย่างแท้จริงต้องเชื่ออัลลอฮ์มากกว่าที่จะเชื่อมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะเมื่ออัลลอฮ์กล่าวย้ำไว้ถึง 7 ครั้งในอัลกุรอาน แล้วเรายังจะไปตีความปฏิเสธสิ่งที่อัลลอฮ์บอกได้อย่างไร
อายะฮ์ที่ 1
﴿إِنَّ رَبَّكُمُ ٱللَّهُ ٱلَّذِي خَلَقَ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٖ ثُمَّ ٱسۡتَوَىٰ عَلَى ٱلۡعَرۡشِۖ يُغۡشِي ٱلَّيۡلَ ٱلنَّهَارَ يَطۡلُبُهُۥ حَثِيثٗا وَٱلشَّمۡسَ وَٱلۡقَمَرَ وَٱلنُّجُومَ مُسَخَّرَٰتِۢ بِأَمۡرِهِۦٓۗ أَلَا لَهُ ٱلۡخَلۡقُ وَٱلۡأَمۡرُۗ تَبَارَكَ ٱللَّهُ رَبُّ ٱلۡعَٰلَمِينَ ﴾ (الأعراف :54)
“แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้านั้น คือ อัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินภายในหกวัน จากนั้นทรงสถิตย์อยู่บนบังลังก์ พระองค์ทรงให้กลางคืนครอบคลุมกลางวันในสภาพที่กลางคืนไล่ตามกลางวันโดยรวดเร็ว และทรงสร้างดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ และหมู่ดาวถูกควบคุม(ให้เป็นประโยชน์)ตามพระบัญชาของพระองค์ พึงรู้เถิดว่า การสร้างและกิจการทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น มหาบริสุทธิ์อัลลอฮ์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก” (อัล-อะอฺรอฟ :54)
อายะฮ์ที่ 2
﴿إِنَّ رَبَّكُمُ ٱللَّهُ ٱلَّذِي خَلَقَ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٖ ثُمَّ ٱسۡتَوَىٰ عَلَى ٱلۡعَرۡشِۖ يُدَبِّرُ ٱلۡأَمۡرَۖ مَا مِن شَفِيعٍ إِلَّا مِنۢ بَعۡدِ إِذۡنِهِۦۚ ذَٰلِكُمُ ٱللَّهُ رَبُّكُمۡ فَٱعۡبُدُوهُۚ أَفَلَا تَذَكَّرُونَ ﴾ (يونس :3)
“แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกท่านคืออัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในเวลา 6 วันแล้วพระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์ ทรงบริหารกิจการ ไม่มีผู้ให้ความช่วยเหลือคนใด เว้นแต่ต้องได้รับอนุมัติจากพระองค์ นั่นคืออัลลอฮ์พระผู้อภิบาลของพวกท่าน พวกท่านจงเคารพภักดีต่อพระองค์เถิด พวกท่านมิได้ใคร่ครวญกันดอกหรือ?” (ยูนุส :3)
อายะฮ์ที่ 3
﴿ٱللَّهُ ٱلَّذِي رَفَعَ ٱلسَّمَٰوَٰتِ بِغَيۡرِ عَمَدٖ تَرَوۡنَهَاۖ ثُمَّ ٱسۡتَوَىٰ عَلَى ٱلۡعَرۡشِۖ وَسَخَّرَ ٱلشَّمۡسَ وَٱلۡقَمَرَۖ كُلّٞ يَجۡرِي لِأَجَلٖ مُّسَمّٗىۚ يُدَبِّرُ ٱلۡأَمۡرَ يُفَصِّلُ ٱلۡأٓيَٰتِ لَعَلَّكُم بِلِقَآءِ رَبِّكُمۡ تُوقِنُونَ ﴾ (الرعد :2)
“อัลลอฮ์คือผู้ทรงยกชั้นฟ้าทั้งหลายไว้โดยปราศจากเสาค้ำจุน ซึ่งพวกเจ้ามองเห็นมัน แล้วทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์ และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ ทรงบริหารกิจการทรงจำแนกโองการทั้งหลายให้ชัดแจ้ง เพื่อพวกเจ้าจะได้เชื่อมั่นในการพบพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า” (อัร-เราะอฺดุ :2)
อายะฮ์ที่ 4
﴿ٱلرَّحۡمَٰنُ عَلَى ٱلۡعَرۡشِ ٱسۡتَوَىٰ ﴾ (طه :5)
“ผู้ทรงเมตตา ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์” (ตอฮา :5)
อายะฮ์ที่ 5
﴿ٱلَّذِي خَلَقَ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَ وَمَا بَيۡنَهُمَا فِي سِتَّةِ أَيَّامٖ ثُمَّ ٱسۡتَوَىٰ عَلَى ٱلۡعَرۡشِۖ ٱلرَّحۡمَٰنُ فَسَۡٔلۡ بِهِۦ خَبِيرٗا ﴾ (الفرقان :59)
“พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างสองนั้น ในระยะเวลา 6 วัน จากนั้นพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบังลังก์ คือผู้ทรงเมตตา ดังนั้นจงถามผู้รู้จริงเกี่ยวกับพระองค์” (อัล-ฟุรกอน :59)
อายะฮ์ที่ 6
﴿ٱللَّهُ ٱلَّذِي خَلَقَ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَ وَمَا بَيۡنَهُمَا فِي سِتَّةِ أَيَّامٖ ثُمَّ ٱسۡتَوَىٰ عَلَى ٱلۡعَرۡشِۖ مَا لَكُم مِّن دُونِهِۦ مِن وَلِيّٖ وَلَا شَفِيعٍۚ أَفَلَا تَتَذَكَّرُونَ ﴾ (السجدة :4)
“อัลลอฮ์คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองในเวลา 6 วัน แล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ สำหรับพวกเจ้านั้นไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลืออื่นจากพระองค์ แล้วพวกเจ้ามิได้ใคร่ครวญบ้างดอกหรือ?” (อัซ-ซัจดะฮ์ :4)
อายะฮ์ที่ 7
﴿هُوَ ٱلَّذِي خَلَقَ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٖ ثُمَّ ٱسۡتَوَىٰ عَلَى ٱلۡعَرۡشِۖ يَعۡلَمُ مَا يَلِجُ فِي ٱلۡأَرۡضِ وَمَا يَخۡرُجُ مِنۡهَا وَمَا يَنزِلُ مِنَ ٱلسَّمَآءِ وَمَا يَعۡرُجُ فِيهَاۖ وَهُوَ مَعَكُمۡ أَيۡنَ مَا كُنتُمۡۚ وَٱللَّهُ بِمَا تَعۡمَلُونَ بَصِيرٞ ﴾ (الحديد :4)
“พระองค์คือ พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินในระยะ 6 วัน แล้วพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์ พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เข้าไปในแผ่นดิน และสิ่งที่ออกมาจากแผ่นดิน และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่ฟากฟ้าและพระองค์ทรงอยู่กับ พวกเจ้าไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด และ อัลลอฮ.ทรงเห็นสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ” (อัล-ฮ่าดีด :4)
- มีหลายสิ่งที่ลงมาจากพระองค์ คัมภีร์ต่าง ๆ บรรดามลาอิกะฮ์ลงมาในคืนลัยละตุ้ลก็อดร์ หรือตามคำบัญชาของพระองค์
﴿وَهَٰذَا كِتَٰبٌ أَنزَلۡنَٰهُ مُبَارَكٞ فَٱتَّبِعُوهُ وَٱتَّقُواْ لَعَلَّكُمۡ تُرۡحَمُونَ ﴾ (الأنعام :155)
“และนี้แหละคือคัมภีร์ ที่มีความจำเริญซึ่งเราได้ให้คัมภีร์ลงมายังเจ้า จงปฏิบัติตามคัมภีร์นั้นเถิด และจงยำเกรง เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความกรุณาเมตตา” (อัล-อันอาม :155)
- มีหลายสิ่งขึ้นไปหาพระองค์ คำพูดที่ดี การงาน(อะมัล)ที่ดี วิญญาณคนที่เสียชีวิต บรรดามลาอิกะฮ์ และท่านศาสดามุฮัมมัดขึ้นไปรับบัญญัติละหมาดจากพระองค์หลังม่าน
﴿... إِلَيۡهِ يَصۡعَدُ ٱلۡكَلِمُ ٱلطَّيِّبُ ...﴾ (فاطر :10)
“...ถ้อยคำที่ดีงามนั้นจะขึ้นไปสู่พระองค์...” (ฟาฏิร :10)
- พระองค์ทรงอยู่บนฟ้า
﴿ءَأَمِنتُم مَّن فِي ٱلسَّمَآءِ أَن يَخۡسِفَ بِكُمُ ٱلۡأَرۡضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ ﴾ (الملك :16)
“พวกเจ้าจะปลอดภัยแล้วหรือ จากการผู้ที่อยู่ ณ ฟากฟ้าจะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้าแล้วขณะนั้นมันจะหวั่นไหว” (อัล-มุลกุ :16)
﴿يَخَافُونَ رَبَّهُم مِّن فَوۡقِهِمۡ وَيَفۡعَلُونَ مَا يُؤۡمَرُونَ۩ ﴾ (النحل :50)
“พวกเขา(มลาอิกะฮ์)จะกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา ที่อยู่เหนือพวกเขา และพวกเขาปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาถูกบัญชา” (อัน-นะฮ์ลุ :50)
[หลักฐานจากคำสอนของท่านศาสดา]
- ขณะที่ท่านศาสดากำลังแสดงธรรมเทศนา(คุตบะฮ์)ในการฮัจญ์อำลา ฮัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่าน ท่านได้ถามผู้คนทั้งหลายว่า "ฉันได้เผยแผ่แล้วหรือยัง?" พวกเขาก็ตอบว่า "ทำแล้ว" ท่านก็ได้พูดว่า "โอ้ อัลลอฮ์ โปรดทรงเป็นพยานด้วย" พลางชี้นิ้วไปบนฟ้า
- ท่านได้ถามทาสหญิงคนหนึ่งว่า "อัลลอฮ์อยู่ที่ไหน?" นางก็ตอบว่า "อยู่บนฟ้า" ท่านก็ถามอีกว่า "ฉันคือใคร?" นางก็ตอบว่า "คือศาสนทูตของอัลลอฮ์" ท่านก็กล่าวแก่นายทาสของนางว่า "ปลดปล่อยนางเถิด เพราะนางคือผู้ศรัทธา"
[หลักฐานจากอิจมาอฺ]
บรรดาสลัฟได้มีความเห็นตรงกันว่า อัลลอฮ์ด้วยอาตมัน(ซาต)ของพระองค์อยู่บนฟ้า ดังที่ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อ "อัล-อุลูวุ ลิลอะลียิล ฆ็อฟฟาร"
[หลักฐานจากสัญชาติญาณอันบริสุทธิ์]
เมื่อคนเราอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ อยู่ในนาทีเป็นนาทีตาย เราจะหันหน้าสู่ฟากฟ้า หวังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องบนช่วยเหลือให้ตนเองรอดพ้นจากวิกฤติที่กำลังประสบ
* การไม่เชื่อว่าอัลลอฮ์อยู่บนฟ้า เป็นความเชื่อของฟิรอูน เพราะเมื่อฟิรอูนได้ยินจากท่านศาสดามูซาว่าอัลลอฮ์อยู่บนฟ้า ฟาโรห์ก็กล่าวหาว่าท่านศาสดามูซาโกหก
﴿وَقَالَ فِرۡعَوۡنُ يَٰٓأَيُّهَا ٱلۡمَلَأُ مَا عَلِمۡتُ لَكُم مِّنۡ إِلَٰهٍ غَيۡرِي فَأَوۡقِدۡ لِي يَٰهَٰمَٰنُ عَلَى ٱلطِّينِ فَٱجۡعَل لِّي صَرۡحٗا لَّعَلِّيٓ أَطَّلِعُ إِلَىٰٓ إِلَٰهِ مُوسَىٰ وَإِنِّي لَأَظُنُّهُۥ مِنَ ٱلۡكَٰذِبِينَ ﴾ (القصص :38)
“และฟิรเอานกล่าวว่า “โอ้ปวงบริพารเอ๋ย! ฉันไม่เคยรู้จักพระเจ้าอื่นใดของพวกท่านนอกจากฉัน โอ้ฮามานเอ๋ย! จงเผาดินให้ฉันด้วยแล้วสร้างโครงสูงระฟ้า เพื่อที่ฉันจะได้ขึ้นไปดูพระเจ้าของมูซา และแท้จริงฉันคิดว่า เขานั้นอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ”” (อัล-ก่อซอซ :38)
* ต้องภูมิใจกับความเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮ์
การเป็นมุสลิมไม่ใช่ความต่ำต้อย ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หากแต่เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ เป็นเกียรติ และเป็นความสูงส่ง มุสลิมจึงไม่ควรอายที่จะแสดงภาพลักษณ์การเป็นมุสลิม มุสลิมชายไม่อายที่จะไว้เครา ไม่อายที่จะนุ่งผ้าสูงกว่าตาตุ่ม มุสลิมะฮ์ไม่อายที่จะคลุมศีรษะ ปกปิดร่างกาย
﴿وَلَا تَهِنُواْ وَلَا تَحۡزَنُواْ وَأَنتُمُ ٱلۡأَعۡلَوۡنَ إِن كُنتُم مُّؤۡمِنِينَ ﴾ (آل عمران :139)
“และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ และจงอย่าเสียใจ และพวกเจ้านั้นคือผู้ที่สูงส่งยิ่ง หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา” (อาลิ อิมรอน :139)
﴿زُيِّنَ لِلَّذِينَ كَفَرُواْ ٱلۡحَيَوٰةُ ٱلدُّنۡيَا وَيَسۡخَرُونَ مِنَ ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْۘ وَٱلَّذِينَ ٱتَّقَوۡاْ فَوۡقَهُمۡ يَوۡمَ ٱلۡقِيَٰمَةِۗ وَٱللَّهُ يَرۡزُقُ مَن يَشَآءُ بِغَيۡرِ حِسَابٖ ﴾ (البقرة :212)
“ชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้นั้นได้ถูกประดับให้สวยงามแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายและพวกเขายังเย้ยหยันบรรดาผู้ที่ศรัทธาด้วย แต่บรรดาผู้ยำเกรงนั้น เหนือกว่าพวกเขาในวันกิยามะฮ์และอัลลอฮ์จะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยปราศจากการคำนวณนับ” (อัล-บ่าก่อเราะฮ์ :212)