อารัมภบท
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
ท่านจำต้องรู้ -ขออัลลอฮฺเมตตาท่าน- ว่าจำเป็นที่เราต้องเข้าใจหัวข้อสี่ประการนี้
1. ความรู้ นั่นคือการรู้จักอัลลอฮฺ การรู้จักนบีของพระองค์ และการรับรู้ศาสนาอิสลามพร้อมด้วยหลักฐาน
2. ปฏิบัติตามความรู้นี้
3. การเชิญสู่ความรู้นี้
4. ความอดทนต่อความทุกข์ยากในงานเช่นนี้
หลักฐานคือพระดำรัสของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งว่า
﴿ وَٱلۡعَصۡرِ ١ إِنَّ ٱلۡإِنسَٰنَ لَفِي خُسۡرٍ ٢ إِلَّا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ وَعَمِلُواْ ٱلصَّٰلِحَٰتِ وَتَوَاصَوۡاْ بِٱلۡحَقِّ وَتَوَاصَوۡاْ بِٱلصَّبۡرِ ﴾ [العصر: ١-3]
ความว่า “ขอสาบานด้วยเวลา แท้จริง มนุษย์อยู่ในการขาดทุน นอกจากผู้ศรัทธาและปฏิบัติการดี ตักเตือนกันและกันในสัจธรรม และตักเตือนกันในขันติธรรม” (อัล-อัศร์ 130:1-3)
ท่านอิมามอัช-ชาฟีอีย์ กล่าวว่า “ถ้าอัลลอฮฺมิทรงประทานหลักฐานอันใดแก่ปวงบ่าวที่พระองค์ทรงให้บังเกิดขึ้นมา นอกจาก
อัลกุรอานบทนี้ ก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว”
ในหนังสือรวบรวมหะดีษของท่านอิมามอัล-บุคอรี ท่านเริ่มบทว่าด้วยความรู้ หลักฐานคือพระดำรัสของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งว่า
﴿ فَٱعۡلَمۡ أَنَّهُۥ لَآ إِلَٰهَ إِلَّا ٱللَّهُ وَٱسۡتَغۡفِرۡ لِذَنۢبِكَ﴾ [محمد : ١٩]
ความว่า “จงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าใดที่แท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ ดังนั้น จงขออภัยโทษสำหรับความผิดของเจ้า” (มุหัมมัด 47:19)
เพราะฉะนั้น จึงต้องเริ่มต้นด้วยความรู้ก่อนการพูดและการกระทำ
ท่านจำต้องรู้ว่า -ขออัลลอฮฺเมตตาท่าน- หน้าที่ของมุสลิมชายและหญิงทุกคน จำต้องรู้หลักสามประการนี้และให้ปฏิบัติตามนั้นด้วย
ข้อที่หนึ่ง คืออัลลอฮฺทรงบันดาลเราและทรงให้เครื่องยังชีพ และมิได้ทรงทอดทิ้งเราให้โดดเดี่ยว แต่ได้ทรงส่งเราะสูล(ศาสนทูต)ของพระองค์แก่เรา ดังนั้นผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามเราะสูล ก็ได้เข้าสวรรค์ และถ้าผู้ใดขัดขืนต่อเราะสูลก็เข้าในไฟนรก หลักฐานคือพระดำรัสของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งว่า
﴿ إِنَّآ أَرۡسَلۡنَآ إِلَيۡكُمۡ رَسُولٗا شَٰهِدًا عَلَيۡكُمۡ كَمَآ أَرۡسَلۡنَآ إِلَىٰ فِرۡعَوۡنَ رَسُولٗا ١٥ فَعَصَىٰ فِرۡعَوۡنُ ٱلرَّسُولَ فَأَخَذۡنَٰهُ أَخۡذٗا وَبِيلٗا ﴾ [المزمل: ١٥-١٦]
ความว่า “แท้จริง เราได้ส่งเราะสูลคนหนึ่งแก่สูเจ้าเพื่อเป็นพยานต่อสูเจ้า ดั่งที่เราได้ส่งเราะสูลคนหนึ่งแก่ฟิรฺอาวน์ แล้วฟิรฺอาวน์ได้ขัดขืนต่อเราะสูลนั้น เราจึงได้ลงโทษเขาด้วยการลงโทษที่ร้ายแรง” (อัล-มุซซัมมิล 73:15-16)
ข้อที่สอง คืออัลลอฮฺมิทรงยินดีที่ใครจะตั้งภาคีใดๆ แก่พระองค์ในการเคารพภักดี ไม่ว่าจะเป็นมลาอิกะฮฺ(เทวทูต)ผู้ใกล้ชิดหรือเป็นนบีผู้ได้รับคัมภีร์ก็ตาม หลักฐานคือพระดำรัสของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งว่า
﴿ وَأَنَّ ٱلۡمَسَٰجِدَ لِلَّهِ فَلَا تَدۡعُواْ مَعَ ٱللَّهِ أَحَدٗا ﴾ [الجن: ١٨]
ความว่า “และแท้จริง สถานที่สุญูดก้มกราบทั้งหลายนั้นเป็นของอัลลอฮฺ ดังนั้น จงอย่าวิงวอน(ตั้งภาคี)ผู้ใดเคียงคู่อัลลอฮฺ” (อัล-ญิน 72:18)
ข้อที่สาม คือผู้ใดก็ดีที่เชื่อฟังปฏิบัติตามเราะสูลนี้ และยืนยันในเอกภาพของอัลลอฮฺ จะต้องไม่เห็นดีกับผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นญาติสนิทก็ตาม หลักฐานคือพระดำรัสของพระองค์ ผู้ทรงสูงส่งว่า
﴿ لَّا تَجِدُ قَوۡمٗا يُؤۡمِنُونَ بِٱللَّهِ وَٱلۡيَوۡمِ ٱلۡأٓخِرِ يُوَآدُّونَ مَنۡ حَآدَّ ٱللَّهَ وَرَسُولَهُۥ وَلَوۡ كَانُوٓاْ ءَابَآءَهُمۡ أَوۡ أَبۡنَآءَهُمۡ أَوۡ إِخۡوَٰنَهُمۡ أَوۡ عَشِيرَتَهُمۡۚ أُوْلَٰٓئِكَ كَتَبَ فِي قُلُوبِهِمُ ٱلۡإِيمَٰنَ وَأَيَّدَهُم بِرُوحٖ مِّنۡهُۖ وَيُدۡخِلُهُمۡ جَنَّٰتٖ تَجۡرِي مِن تَحۡتِهَا ٱلۡأَنۡهَٰرُ خَٰلِدِينَ فِيهَاۚ رَضِيَ ٱللَّهُ عَنۡهُمۡ وَرَضُواْ عَنۡهُۚ أُوْلَٰٓئِكَ حِزۡبُ ٱللَّهِۚ أَلَآ إِنَّ حِزۡبَ ٱللَّهِ هُمُ ٱلۡمُفۡلِحُونَ ﴾ [المجادلة: ٢٢]
ความว่า “เจ้าจะไม่พบหมู่ชนใดที่ศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้ายรักชอบผู้ต่อต้านอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ แม้ว่าพวกเขา (เหล่านั้น)จะเป็นพ่อของพวกเขา หรือลูกของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขา หรือญาติของพวกเขาก็ตาม ชนเหล่านี้อัลลอฮฺได้ทรงจารึกความศรัทธาในดวงใจของพวกเขา และได้ส่งเสริมพวกเขาให้มั่นด้วยรูหฺ(การสนับสนุน)จากพระองค์ และจะทรงให้พวกเขาเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน เป็นผู้พำนักในนั้นตลอดกาล อัลลอฮฺทรงยินดีต่อพวกเขา และพวกเขาก็ปลื้มต่อพระองค์ เหล่านี้คือพรรคของอัลลอฮฺ จงรู้ไว้เถิด แท้จริง พรรคของอัลลอฮฺนั้น พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ” (อัล-มุญาดิละฮฺ 58:22)
จงรู้ไว้ด้วยเถิด -ขออัลลอฮฺทรงชี้นำท่านเพื่อการเคารพเชื่อฟังพระองค์- แท้จริง อัล-หะนีฟียะฮฺ (ศาสนาอันบริสุทธิ์) แนวทางของอิบรอฮีมนั่นคือ ท่านต้องเคารพภักดีอัลลอฮฺ เป็นผู้สุจริตในการภักดีต่อพระองค์ โดยเหตุนี้แหละอัลลอฮฺได้ทรงบัญชาแก่มวลมนุษย์และได้ทรงบังเกิดพวกเขาเพื่อการนี้ ดั่งผู้ทรงสูงส่ง (อัลลอฮฺ) ตรัสว่า
﴿ وَمَا خَلَقۡتُ ٱلۡجِنَّ وَٱلۡإِنسَ إِلَّا لِيَعۡبُدُونِ ﴾ [الذاريات: ٥٦]
ความว่า “และฉันมิได้บังเกิดญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใดเว้นแต่ให้เคารพภักดีฉัน” (อัซ-ซารียาต 51:56)
ความหมายของ “เคารพภักดีฉัน” คือ “ยืนยันในเอกภาพของฉัน”
ข้อสำคัญยิ่งที่เป็นคำสั่งของอัลลอฮฺในเรื่องนี้คือ อัต-เตาฮีด(เอกภาพของอัลลอฮฺ) และหมายความว่า อัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้นที่เราต้องเคารพภักดี ข้อสำคัญยิ่งที่พระองค์ทรงห้ามให้ละเว้นคือการตั้งภาคีใดๆ ต่อพระองค์ (อัช-ชิรฺกุ) นั่นคือการวิงวอนต่อสิ่งอื่นให้เคียงคู่พระองค์ หลักฐานในเรื่องนี้ คือพระดำรัสของพระองค์ ผู้ทรงสูงส่งว่า
﴿۞وَٱعۡبُدُواْ ٱللَّهَ وَلَا تُشۡرِكُواْ بِهِۦ شَيۡٔٗاۖ ﴾ [النساء : ٣٦]
ความว่า “จงเคารพภักดีอัลลอฮฺ และจงอย่าตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระองค์” (อัน-นิสาอ์ 4:36)
หลักสามประการ
ถ้ามีผู้ใดถามท่านว่า หลักสามประการนั้นคืออะไร ซึ่งมนุษย์(มุสลิม)จำต้องรู้จัก ก็พึงตอบว่า “บ่าวพึงรู้จักพระผู้อภิบาลของเขา ศาสนาของเขา และศาสนทูตของพระองค์ คือท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม (ขออัลลอฮฺประทานความโปรดปรานและความสันติแก่ท่าน)”